ชาเขียวเป็นเมนูที่หาได้ง่ายมากๆ เพียงเข้าไปที่ร้านอาหารหรือร้านเครื่องดิ่ม ก็ต้องพบว่าเป็นหนึ่งในเมนูที่ขาดไม่ได้บนหน้าเมนูเลยล่ะ ชาเขียว (Green tea) คือ ชาที่ได้มาจากต้นชา ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Camellia sinensis ซึ่งชาชนิดนี้จะไม่ผ่านขั้นตอนการหมักเลย เตรียมได้โดยการนำใบชาสดมาผ่านความร้อนเพื่อทำให้ใบชาแห้งอย่างรวดเร็ว ซึ่งวิธีการก็คือเมื่อเก็บใบชามาแล้วก็นำมาทำให้แห้งอย่างรวดเร็วในหม้อทองแดงโดยใช้ความร้อนไม่สูงเกินไปและใช้มือคลึงเบา ๆ ก่อนแห้ง หรืออบไอน้ำในระยะเวลาสั้น ๆ แล้วนำไปอบแห้งเพื่อยับยั้งการทำงานเอนไซม์จึงได้ใบชาที่แห้งแต่ยังสดอยู่ และมีสีที่ค่อนข้างเขียว จึงเรียกกันว่า “ชาเขียว” นั่นเอง
สารสำคัญที่พบได้ในชาเขียวได้แก่ กรดอะมิโน วิตามิน B, C, E, คาเฟอีน, ธิโอฟิลลีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางส่งผลให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และสารอีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต (เป็นแคทที่พบมากที่สุดในชาเขียว) ซึ่งมีความสำคัญในการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ประโยชน์ของชาเขียว
- ความหอมและรสชาติกลมกล่อม ช่วยให้ผ่อนคลายอารมณ์ ระบายความร้อนจากศีรษะและเบ้าตา ทำให้สดชื่น ตาสว่าง ไม่ง่วงนอน และช่วยทำให้หายใจสดชื่น
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือด และมีงานวิจัยทางคลินิคพบว่าชาเขียวมีฤทธิ์ต่อต้านการเกิดโรคของหลอดเลือดหัวใจด้วย
- มีสารคาเฟอีนและธิโอฟิลลีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางส่งผลให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
- มีสารอีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต (EGCG) ซึ่งมีความสำคัญในการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและไขมันจึงส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักของร่างกาย
- ช่วยบำรุงผิว เพิ่มความชุ่มชื่นและความเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้าได้เป็นอย่างดี โดยนำน้ำแร่มาต้มให้เดือด จากนั้นใส่ผงชาหรือใบชาเขียวตามลงไป แล้วทิ้งไว้ให้เย็น เสร็จแล้วจึงเทน้ำที่ได้ใส่ลงไปในขวดสเปรย์ ใช้สำหรับฉีดพ่นในหน้า
- ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ระบายความร้อนออกจากปอด และช่วยขับเสมหะ ทั้งยังช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ จึงสามารถช่วยล้างสารพิษและกำจัดพิษในลำไส้ได้
สำหรับการดื่มชาเขียวเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้นก็คือ ควรชงชาดื่มด้วยตัวเอง ซึ่งควรดื่มน้ำชาที่มีความเข้มข้นจากถ้วยชาใบจิ๋ว เพราะความเข้มข้นที่ได้จากใบชานั้นจะทำให้ได้ปริมาณสารแคททีชินที่เข้มข้นนั่นเอง ในการงไม่ควรจะเติมนมข้นหรือน้ำตาลเพิ่ม เพราะจะทำให้มีรสชาติที่หวานมากจนเกินไป และไม่ได้คุณค่าย่างเต็มที่นั่นเอง